วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

10 อันดับ บล็อกเกอร์ไทยมาแรง

10 อันดับ บล็อกเกอร์ไทยมาแรง

อันดับ 1Pearypie: Make-up Artist/Theatrical Artist : 473,953 likes เป็นใครไปไม่ได้เลยเพราะสาวแพรรี่พาย นอกจากจะมีฮาวทูการแต่งหน้าออกมาให้สาวๆได้อัพเดทกันอยู่เสมอ ยังมีทั้งแฟชั่นการแต่งกาย ที่บอกเลยว่ามาแรงแซงทางโค้งจริงๆ 
  TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 2แย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข : 387,207 like
ด้วยความที่เป็นพริตตี้สาวมากความสามารถ จึงทำให้ยอดไลค์ของหญิงแย้ มาเป็นอันดับที่ 2 ทั้งแบ่งปันวิธีการดูแลตัวเอง ตั้งหัวจรดเท้า แถมยังเป็นผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองสุดๆ ทำให้ใครหลายๆคนยกให้หญิงแย้ เป็นไอดอล
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 3Sp Saypan : 336,041 likes เป็นอีกหนึ่งสาวบิ้วตี้ บล็อกเกอร์ที่มาแรงอยู่ในตอนนี้ สายป่าน หรือใครๆหลายคนอาจจะรู้จักในนามของ ป่านศรี ด้วยความน่ารักและความจริงใจในการรีวิวผลิตภัณฑ์และเทคนิคในการดูแลตัวเองต่างๆ ทำให้สาวๆหลายคนเทใจให้สาว บิ้วตี้ บล็อกเกอร์คนนี้
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 4Momay Pa Plearn : 275,791 likes โมเม พาเพลิน สาวไทยต่างขนานนามให้เธอว่า " คุณแม่ " ด้านการแต่งหน้าตัวจริง โมเม พาเพลิน ถือว่าเป็นผู้ที่ทำให้สาวๆหลายคนที่คิดจะเริ่มฝึกแต่งหน้า คิดถึงเธอเป็นคนแรก   
 TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 5FEONALITA : 182,713 likes
ทราย ฟีโอนาลิต้า บิ้วตี้ บล็อกเกอร์ที่ใครหลายคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สาวร่างเล็กคนดังประจำโต๊ะเครื่องแป้งพันทิป เธอมีทั้งเคล็ดลับการดูแลเสื้อผ้าหน้าผม รวมถึงการรีวิวผลิตภัณฑ์อีกมากมาย
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 6Kunginter : 113,099 likes กุ้ง อินเตอร์ เป็นบิ้วตี้ บล็อกเกอร์อีกคนหนึ่งที่มีวิธีการดูแลตัวเองแบ่งปันให้ชาวแฟนเพจเสมอ ทั้งการดูแลผิวหน้า ผิวกาย รีวิวผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย จึงทำให้แฟนเพจส่วนใหญ่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย 
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 7I'm Mayyr - Blog : 78,395 like
เป็นสาวน้อยน่ารักอีกคนหนึ่ง ที่กลายเป็นที่รู้จักของสาวๆส่วนใหญ่เพราะการแต่งหน้า ทั้งการรีวิวเครื่องสำอางและของใช้คุณภาพดี บวกกับหน้าตาที่น่ารักจิ้มลิ้มทำให้แฟนเพจของคุณเมย์เป็นผู้ชายไม่น้อยเลยทีเดียว
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 8Cinnamongal.com : 77,810 likes
คุณมด บิ้วตี้ บล็อกเกอร์อีกหนึ่งคนที่สาวๆคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เธอเปิดร้านขนมและยังเป็นที่รู้จักในวงการบิ้วตี้ บล็อกเกอร์ ที่มากความสามารถจริงๆ 
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 9OnnBaby : 21,729 likes บล็อกเกอร์สาวสุดชิค กลายเป็นที่รู้จักของสาวๆจากการแบ่งปันเคล็ดลับและเทคนิคดีๆในการดูแลตัวเอง และยังเปิดตัวแบรนด์เครื่องสำอางที่แพคเกจแสนจะน่ารักกุ๊กกิ๊ก 
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
อันดับ 10
Jelly Fish Makeup Mania : 19,022 likes
 ปิดท้ายด้วยสาวสวยคนนี้ คุณจูน ที่มีทั้งฮาวทูการแต่งหน้าและยังแบ่งปันเทคนิคในการทำทรงผมต่างๆมากมาย สาวๆหลายคนจึงไม่รีรอที่จะกดติดตามเธอเพื่ออัพเดททริคในการดูแลตัวเองอย่างรอบด้าน
TOP 10 BEAUTY BLOGGER THAI
สาวๆชาว Sanook!women คนไหนที่กำลังหาทริคในการดูแลตัวเอง ขอบอกเลยว่าให้รีบตามไปจดเคล็ดลับต่างๆจาก บิ้วตี้ บล็อกเกอร์คนดังที่เราจัดอันดับมาให้ชม แล้วมาดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ



1. หาเรื่องที่ชอบมาผสมกับความถนัดแล้วนำเสนอแบบไม่เหมือนใคร
ปัจจุบันประเทศไทยมี Blogger หลายพัน หลายหมื่นคน แต่ละคนก็จะมีบุคลิกต่างกัน หาจุดเด่นของคุณแล้วก็พยายามทำให้มันฉีก ไม่เหมือนคนอื่น เพราะถ้า Blog คุณเหมือนกับ Blog ที่มีคนเคยเขียนอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะมีใครเข้าไปอ่าน เพราะปัจจุบันก็มี Blogger ขั้นเทพ ยึดหัวหาดการนำเสนอเอาไว้หมดแล้ว ถ้าคุณไม่โดดเด่นจริงๆ ก็คงยากที่คนจะเข้ามาสนใจ รวมไปถึง Digital Agency ที่จะมาติดต่อลงโฆษณาด้วย
ตอนนี้ Blogger สายที่หารายได้ได้ จะมีอยู่ประมาณ 4 สายด้วยกัน
  • สาย IT จะทำพวกรีวิวอุปกรณ์ต่างๆเช่น มือถือ , Tablet , Notebook , กล้อง Digital , Networking โดยที่ Blogger ที่ประจำสายนี้ ก็มี kafaak.comyokekungworld.com , thaicyberpoint.com ,
  • สายท่องเที่ยว … พวกนี้ เดินทางเยอะ กิน เที่ยว กันเป็นว่าเล่น เก็บข้อมูลละเอียดยิบ  ซึ่ง Blogger ที่ประจำสายนี้คือ jidapa.in.th , don-jai.comdunbine.exteen.com 
  • สายความงาม .. เครื่องสำอางค์ สปา นวด และบริการความงามต่างๆ กลุ่มนี้ไม่มีพลาด pinnyforever.com , nichieme.com , erk-erk.com
  • สาย Lifestyle .. กลุ่มนี้จะกลางๆ ทั้งกิน ดื่ม เที่ยว บริการ ความแปลกใหม่ในชีวิต ที่ Hot มากของกลุ่มนี้คือ khajochi.com ครับ
และสายสุดท้ายคือ สายอสังหาริมทรัพย์ อันนี้ ยังไม่มี Blog สายนี้ตรงๆ แต่จะมี Blogger สาย Lifestyle , IT , ความงานไปแจมอยู่ตลอด ซึ่งอยากจะบอกว่า วงการนี้มีงบเยอะมากๆนะคร้าบบบ
สายอื่นๆยังไม่ค่อยจะมีชัดเจนมากเท่าไหร่ครับ และเนื่องจากตอนนี้วงการ Blogger ยังมีคนเขียนระดับ Hot ไม่เยอะมาก ดังนั้น ทั้ง 4 วงการ ก็จะมีการส่งงานให้กับ Blogger แบบข้ามไป ข้ามมากันอยู่เสมอ
อย่าง Freeware.in.th ก็มียัง Blog เริ่อง กิน เที่ยว มาปนๆกันด้วย เพราะผมเองก็เป็นนักกิน นักเที่ยวเหมือนกัน รวมไปถึง Smartphone และ Networking ก็เป็นความถนัดของผม
ดังนั้น ถ้าจะเขียนเรื่องอะไรก็เอาให้อยู่กับ 4 สาย หลักๆนี้ แต่ให้ฉีกแนวกว่าขาประจำเจ้าเก่าที่เค้าเคยทำมานั่นเองครับ
IMG_1202
2. ก่อนจะเขียน ให้เริ่มที่กระดาษก่อน แล้วค่อยเขียนลง Blog
อันนี้เป็นเทคนิคส่วนตัวของผมเองครับ ก่อนที่ผมจะปั่น Blog .. ผมจะค่อยๆกำหนดทิศทางการเล่าเรื่องในกระดาษก่อนว่าจะ เปิดหัวเรื่องยังไง นำเข้าสู่รายละเอียดยังไง และจบยังไงให้คนอ่านรู้สึกอยากคลิกแชร์ต่อ หรือ อยากทดลองใช้โปรแกรมที่ผมเอามานำเสนอ ซึ่งจากการทำแบบนี้ จะทำให้การเขียน Blog ราบรื่นขึ้นมาก เพราะเราเห็นภาพในหัวของเราแล้วว่า Blog ที่เราเขียนตั้งแต่ต้นจนจบ มันจะมีอะไรบ้าง
image.axd
 3. ความถูกต้อง คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ Blog
เอาง่ายๆก็คือ คุณเขียน Blog มาเพื่อ แฟนๆประจำ Blog ของคุณ เค้าเลือกที่จะอ่าน Blog ของคุณ ก็เพราะเค้าเชื่อคุณ และ เพื่อตอบสนองต่อความเชื่อใจนั้นๆมันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่ไม่ว่าคุณจะเขียน Blog อะไรก็ตาม มันจะต้องเป็นเรื่องจริงและข้อมูลที่ให้ก็ต้องถูกต้อง เพราะถ้าเกิดคุณนำเสนอข้อมูลผิดๆไปแล้ว นอกจากคนที่เข้ามาอ่านจะเอาข้อมูลผิดๆไปเผยแพร่แล้ว คุณยังอาจจะเจอดราม่าอีกด้วย ถ้าเกิดมีคนที่รู้ว่ามันผิดตรงไหน … รวมไปถึงเรื่องโกหกอีกด้วย ถ้ามีคนจับได้ มันจะกลายเป็นตราบาปติด Blog คุณไปยาวนานเลยแหละ เช่น การโม้ว่าหลงป่าแถวภูเขาไฟฟูจิน่ะ
4. เขียนทุกวัน อย่าหยุด
เพราะคุณคือ หน้าใหม่ของวงการ ดังนั้น ยิ่งคุณเขียนมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีกระสุนลูกใหม่ยิ่งใส่วงการ Social Network เพื่อดึงความสนใจมายังคุณมากขึ้น การเขียนทุกวันนอกจากเป็นการได้สิทธิ์โปรโมทวันละครั้งมาสู่ Blog ของเราแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาฝีมือในการเขียนให้ดีขึ้น เร็วขึ้น สนุกขึ้นและละเอียดมากขึ้นอีกด้วย
malcolm_gladwell_outliers
ในหนังสือชื่อ Outlier ของ Malcolm Gladwell จะมีกฏอยู่ข้อหนึ่งที่เรียกว่า กฏ 10,000 ชม.  เนื้อหาของกฏนี้ก็คือ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม เช่น ขับรถ แปรงฟัน ซักผ้า ขี่จักรยาน .. ถ้าคุณทำมันครบ 10,000 ชม. เมื่อไหร่ คุณก็คือ ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกสำหรับด้านนั้นทันที เช่นเดียวกัน หากคุณเขียน Blog มากและยาวนานเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ความเป็น Blogger สายหาเงินมากเท่านั้นแหละครับ
นั่นก็คือ ถ้าคุณเขียน Blog แบบ ไม่หลับ ไม่นอน ไม่กิน ไม่ดื่น ไม่เข้าห้องน้ำ ประมาณ 416 วัน ต่อเนื่องแบบ non stop คุณก็คือ เทพ Blogger แล้วนั่นเอง แต่ในความเป็นจริงคงไม่มีทางทำได้ ดังนั้น ถ้าเอาง่ายๆ เขียน Blog วันละ 1 ชม. ทุกวัน กว่าคุณจะเป็นเทพ Blogger ก็ประมาณ 27 ปี นั่นเองครับ ฮ่า
แต่วงการ Blog พึ่งจะมีมาไม่กี่ปีเองครับ ดังนั้น ยังไม่มีเทพ Blogger บนโลกนี้หรอก อิอิ
5. ลงทุนกับ Content อย่างสม่ำเสมอ
สิ่งที่คนเข้ามาอ่านก็คือ สิ่งที่เราเขียน แต่เรื่องที่เราจะเอามาเขียน บางครั้งถ้าไม่ลงทุนกับมันบ้าง ก็คงจะไม่มีใครสนใจ เช่นถ้าคุณไม่ออกไปมองโลกกว้าง , ซื้อของแปลกๆใหม่ๆมาทดลอง , หาของแปลกๆมากิน , ถ่ายรูปที่แปลกๆมานำเสนอ ก็คงจะยากที่คุณจะพัฒนา Content ในเว็บคุณไปสู้กับคนอื่นได้ ยกเว้นคุณจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสแบบ Freeware.in.th ครับ ของผมรีวิว โปรแกรมฟรี เพื่อมาแทนโปรแกรมผิดลิขสิทธิ์ ก็เลยไม่เสียเงินมากเท่าไหร่ แต่ก็หมดตัวไปกับการรีวิว Hardware บางตัวมาก เพราะส่วนตัวก็ชอบซื้อพวก Gadget แปลกๆมาลองอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าคุณจะเป็น Blogger แบบหาเงิน คุณก็ต้องลงทุนกับสิ่งที่คุณจะนำเสนอด้วยนั่นเองแหละครับ
แต่ก็ใช่ว่า การลงทุนกับ Content จะต้องเป็นเงินเสมอไปครับ จริงๆไอเดีย + เทคนิคการนำเสนอ ก็แปลงร่างเป็น ต้นทุนได้เหมือนกันนะ
6. Stat คือชีพจรของเว็บ จงดูแลมัน แต่อย่าไปใส่ใจกับมัน
Stat คือ Code ที่จะใช้ในการตรวจจับว่า มีใครบ้าง เข้ามาดูเว็บคุณ เมื่อไหร่ ยังไง อยู่นานแค่ไหน ด้วยอุปกรณ์อะไร ซึ่งผลของมันจะนำไปสู่การพัฒนา Content ใน Blog คุณอย่างต่อเนื่อง เช่นถ้าช่วงนี้คุณพบว่าเขียน Blog เกี่ยวกับการ สมัคร Apple ID แล้วมีคนเข้ามาเยอะเลย  คุณก็อาจจะเขียนเพิ่มอีกตอน เป็นเรื่อง การสมัคร Apple ID แบบไม่ใช้บัตรเครดิต ซึ่งผมเคยทำมาแล้วล่ะ แล้วก็พบว่า 2 Blog นี้ มีการเดินทางของคนอ่าน กลับไป กลับมา ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ทำให้ Traffic ในเว็บมีการวิ่งไป วิ่งมา ระหว่าง Content มากขึ้นครับ
Stat ในปีแรกของ Freeware.in.th เห็นเดือนแรกๆแล้วจะเป็นลม
Stat ในปีแรกของ Freeware.in.th เห็นเดือนแรกๆแล้วจะเป็นลม
แต่ที่ผมบอกเอาไว้ว่า จงดูแลมัน แต่อย่าไปใส่ใจกับมัน เพราะว่า บรรดา Blogger หน้าใหม่ทุกท่าน เวลาเห็นเลข Stat แล้วจิตใจจะหดหู่เหมือนโดนสาวทิ้งมาซะงั้น เหตุเพราะว่า เมื่อเราเริ่มเปิด Blog คนอ่านมันก็ต้องน้อยมากเป็นธรรมดาครับ แล้วช่วงเวลานี้ดันยาวนานซะด้วย ซึ่งยิ่งดูก็ยิ่งหดหู่ครับ ผมถึงบอกว่า Stat เนี่ย ให้ดูแลมันให้ดี นั่นก็คือ รันโค้ดให้ถูกต้อง ทุกหน้า ติดในตำแหน่งที่เหมาะสม ดูๆมันบ้าง ว่าสถานการณ์เป็นอะไร แต่อย่าไปใส่ใจกับมัน ถ้ามันน้อยกว่าที่เราคาดเอาไว้ครับ
Greedy heir
7. อย่าเห็นแก่เงิน
ผมเห็น Blogger หลายคนหน้ามืด คิดจะเอาเงินจากพวก Affiliate , Adsense , Banner ลามกมากมาย ปิดกันเต็มเว็บไปหมด ให้ความรู้สึกเหมือน กรุงเทพตอนโดนหาเสียงยังไงยังงั้นเลย ซึ่งอยากจะบอกตรงๆว่า วิธีนั้นถึงจะหาเงินได้ แต่ก็ไม่ยั่งยืน แถมภาพลักษณ์ Blog ของคุณก็จะเสียหายอย่างมาก เวลาไปเดินงาน คุณอยากจะแนะนำตัว Blog ของคุณไหมล่ะครับ ว่าผมคือ Blog นี้นะครับ คลิกยากหน่อยเพราะ Banner เพียบเลย ลามกทั้งนั้น อะไรแบบนี้
รวมไปถึง ในตอนที่คุณเริ่มจะมี ชื่อเสียง และมีคนมาจ้างรีวิว .นั่นเป็นข่าวดีครับว่ามีคนยอมรับคุณแล้ว แต่ก็อย่าทำให้มันเป็นข่าวร้ายด้วยการเขียน อวย กันซะออกนอกหน้า จนเกินสิ่งที่เรียกว่า “ความจริง” ไปนะครับ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะตัดสินก็คือผู้อ่านครับ ถ้าเค้าพบว่า Blog ที่คุณนำเสนอ มีแต่เรื่องที่ดูเชื่อถือไม่ได้ เขาเหล่านั้นก็จะจากไปครับ ซึ่งพวกเราในวงการ Blogger ยอมรับว่า มีการจ้าง Blogger เพื่อประชาสัมพันธ์จริง แต่พวกเราก็จะกำชับกับไปยังผู้ว่าจ้างทุกครั้งว่า เราจะเขียน “ข้อเท็จจริง” มีข้อดีบอกข้อดี มีข้อเสียก็บอกข้อเสียเท่านั้นเอง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับ เทคนิคการนำเสนอของแต่ละคนด้วยว่า จะนำเสนอข้อเสียได้นุ่มนวลขนาดไหนแค่นั้นแหละครับ
e-Business-Card
8. เตรียมนามบัตรไว้ให้พร้อม 
อาชีพ Blogger ก็เหมือนกับ Salesman แหละครับ แต่สิ่งที่เราขายก็คือ ความเป็นตัวตน ความเป็นแบรนด์ของเรา และช่องทางประชาสัมพันธ์ข่าวสารผ่าน Blog ของเรา และถึงแม้ว่าเราจะทำงานในโลกออนไลน์ แต่ก็อย่าลืมเตรียมช่องทางติดต่อแบบออฟไลน์ไว้ด้วย ซึ่งบอกตามตรง ผมได้รับงานรีวิว ผ่านทางนามบัตรที่ผมมอบให้กับทางลูกค้า , Digital Agency และรวมไปถึง เพื่อนๆ Blogger ด้วยกันนี่แหละครับ เวลา Blogger ไปงาน เราก็จะเจอ Blogger ท่านอื่นมาร่วมงานด้วย ถ้ายังไม่รู้จัก ก็ยิ้มซักที ยกมือสวัสดี ถ้าอีกฝ่ายอายุมากกว่า แล้วก็แนะนำตัวพร้อมนามบัตรไปโลดครับ ผมก็ใช้วิธีนี้ เก็บงานและรายชื่อผู้ที่จะส่งงานมาให้หลายคนเลยทีเดียวครับ
นามบัตรควรจะมีรายละเอียดในการติดต่ออย่างครบถ้วน ชื่อ , นามสกุล , ที่อยู่ ทั้งที่อยู่จริงๆ และ ที่อยูู่สำหรับออกเอกสารภาษี , ช่องทางติดต่อทาง Social Network ให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น URL ของ Blog , Facebook , Twitter , Email  และเบอร์มือถือ ถ้าเป็นไปได้ ก็ใส่หน้าเท่ห์ๆของเราลงไปด้วย เพราะบางทีเผื่อนึกหน้าไม่ออก เนี่ยแหละครับ แปลงกระดาษแผ่นเดียวให้กลายเป็นอุปกรณ์เอนกประสงค์ ทั้งแนะนำตัว สร้างความประทับใจและส่งเอกสารได้ในชิ้นเดียวไปเลย
9. รักษาความเป็นมืออาชีพ 
ความเป็นมืออาชีพมีหลากหลายมุมนะครับ ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามีอะไรบ้าง แต่สำหรับผม ความเป็นมืออาชีพจากงานการที่ผมได้รับการสั่งสอนมาจากการทำงานประเภท Network Admin และ Organizer ก็คือ ” The Show must go on” .. ถ้าคุณรับงานมา ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ถ้ารับไปแล้ว ก็ต้องทำให้เสร็จ ตรงเวลา และ ห้ามทำงานประเภท ไก่เขี่ยส่งลูกค้าเด็ดขาด การรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ นอกจากครั้งหน้า ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการคุณแล้ว เค้ายังแนะนำต่อให้กับ Digital Agency เจ้าอื่นๆด้วยครับ
267968503_640
โดยส่วนตัว ผมอยากทำงานให้ได้เหมือนกับที่ Ono Jiro พ่อครัวซูชิอันดับหนึ่งของโลก ถ้าใครได้ดูหนังสารคดีเรื่อง Jiro Dream of Sushi ล่ะก็ คุณจะได้เห็นความเป็นมืออาชีพของหลากหลายอาชีพจากชาวญี่ปุ่นครับ  และผมก็อยากให้คนที่เป็น Blogger ช่วยกันสร้างความเป็นมืออาชีพให้มันได้แบบนั้นด้วยครับ อัยย่ะ!!
10. จงสนุกสนาน และลุ่มหลงไปกับ Blog ของคุณ!
ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าคุณไม่สนุกหรือไม่ได้หลงใหลมันล่ะก็ ต่อให้มันดูดีแค่ไหน เราก็คงไม่สามารถทำมันได้นานหรอกครับ สุดท้ายแล้วก็ฝืนไม่ไหวแล้วก็ต้องเลิกอยู่ดี ผมเองก็เขียน Blog ด้วยความสนุกและท้าทาย ทุกครั้ง และจะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง ที่มีคนมาถามว่าโปรแกรมที่ทำความสามารถแบบนั้น แบบนี้ได้ มีไหม มันกลายเป็น Passion ของผมไปแล้ว ว่าผมจะต้องพิชิตความท้าทายนี้แล้วหาโปรแกรมฟรี มาเขียนเพื่อนำเสนอให้ได้
สำหรับ Blogger ทุกท่านที่อยากประกอบอาชีพ Blogger ผมก็อยากให้ทุกท่านมี Passion ในการเขียน Blog ครับ แล้วมันก็จะเป็นอย่างที่เค้าว่ากันไว้แหละ ว่า ถ้าเราสนุกกับงานของเรา เราจะไม่รู้สึกเหมือนเรากำลังทำงานอยู่เลย
อ้างอิงจาก   http://women.sanook.com/21100/           http://www.freeware.in.th/blog/6239

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XP

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XP

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XP, Windows Vista และ Windows 7


วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XP

วิธีกู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่

        ถ้าวินโดวส์มีป้ญหาไม่สามารถบู๊ตขึ้นภาพ Windows XP คุณๆจะมีวิธีของตนเอง เช่น เอาไฟล์ที่ ghost ไว้มาใช้ แต่ก็ปัญหาคือ ไฟล์ที่ได้ไม่ใช่ข้อมูลปัจุบัน หรือ format ลงวินโดวส์ใหม่ชึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยต้องลงโปรแกรมใหม่เป็นสิบตัว ยังต้องเสียเวลา Crack อีก ข้อมูลที่คุณทำไว้ก็หายหมด มีวิธีการกู้แบบง่ายๆ ไปหาวิธีแบบยาก แล้วแต่เหตุการณ์ และสาเหตุ ซึ่งจะมีเทคนิคดังนี้


เทคนิคที่ 1 กู้แบบง่ายๆ

   -สาเหตุ : ปกติคุณๆ มักชอบติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ เพิ่มเติม ผลปรากฎว่าเมื่อติดตั้งแล้วพอบู๊ตใหม่กลับบู๊ตไม่ขึ้นสาเหตุอาจมาจากโปรแกรมที่ติดใหม่ ติดตั้งไฟล์ระบบตัวเก่าทับตัวใหม่ ทำให้วินโดวส์ไม่รู้จักไฟล์ระบบ เลยทำให้เกิดหน้าจอดำค้างไม่บู๊ตเข้าหน้าจอเดสก์ทอป

   -วิธีแก้ไข : อาจจะใช้วิธี System Restore ใน Safe Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ ขณะบู๊ตเครื่องใหม่ แล้วเลือกไปที่หัวข้อ Safet Mode กู้วันที่ย้อนหลังครั้งล่าสุดที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม ก็จะกู้ระบบครั้งล่าสุดให้ทันที ทำให้บู๊ตเข้าวินโดว์ส ได้ตามเดิม


เทคนิคที่ 2 ซ่อมวินโดวส์ ด้วยแผ่นบู๊ต Boot CD Rom

   -สาเหตุ : ปัญหานี้ส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากการติดตั้ง Patch file ตัวใหม่ๆ แล้วไม่สามารถรองรับไฟล์ระบบของวินโดวส์หรือก็อปปี๊ไ ฟล์ .dll, .vdx, .inf ผิดเวอร์ชั่น หรือเผลอลบไฟล์ระบบบางตัว ก็เป็นสาเหตุได้ ฉะนั้นหากแก้ด้วยวิธีที 1,2 ไม่หาย ก็ต้องใช้วิธีที่ 3 ซ่อมแซมไฟล์ระบบใหม่ แทนที่จะเสียเวลาติดตั้งใหม่ วิธีนี้ก็จะช่วยย่นเวลาให้น้อยลง

   -วิธีแก้ไข : เตรียมแผ่นบู๊ต CD Windows (แผ่นติดตั้งวินโดวส์) ใส่ใน CD-ROM แล้วบู๊ตเครื่องใหม่ จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้





1.เมื่อเข้าหน้าจอ Windows to Setup หน้าแรก ให้คุณกด Enter ผ่านขั้นตอนนี้ไป



2.จากนั้นก็จะเข้าหน้าจอ windows XP Lincesing Agreement หน้าที่สอง กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับการติดตั้งใหม่





3.เมื่อเข้าหน้าจอการติดตั้ง Windows XP เลือกไดรฟ์ที่ติดตั้งแล้วกดตัว R เพื่อซ่อมแซ่มไฟล์ที่สูญหายให้กลับคืนมาดังเดิม เมือเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรมต่างๆที่ติดตั้งไปก็ยังคงใช้ได้เหมือนเดิมไม่ต้องติดตั้งใหม่ให้เสียเวลา

        สำหรับผู้ที่ใช้ Harddisk แบบ SATA ในตอนบู๊ตแผ่นติดตั้ง Windows ให้กด F6 เพื่อติดตั้งไดรว์เวอร์ SATA ก่อนเข้าขั้นตอนที่ 1 ด้วย ไม่เช่นนั้นวินโดวส์จะมองไม่เห็น Harddisk


วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows Vista


ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ คืออะไร      

        'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' คือ เครื่องมือการกู้คืนของ Windows ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่าง เช่น แฟ้มระบบที่สูญหายหรือเสียหาย ซึ่งอาจป้องกันไม่ให้ Windows เริ่มอย่างถูกต้องได้ เมื่อคุณเรียกใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะมีการสแกนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อค้นหาปัญหาแล้วพยายามแก้ไขเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณเริ่มอย่างถูกต้อง

        ถ้าคุณประสบปัญหาขณะพยายามเรียกใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' หรือถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มี 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของคุณอาจเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดเครื่องมือด้วยตนเอง ตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิต


สามารถใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้อย่างไร

        'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะอยู่บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ซึ่งอยู่บนดิสก์การติดตั้ง Windows นอกจากนั้นอาจมีการติดตั้ง 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' บนฮาร์ดดิสก์ของคุณ ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีตัวเลือกการกู้คืนที่ได้ติดตั้งไว้ล่วงหน้า 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' อาจพร้อมท์ให้คุณเลือกในขณะพยายามแก้ไขปัญหา และถ้าจำเป็น อาจมีการเริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่ในขณะทำการซ่อมแซม


หากคุณมีดิสก์การติดตั้ง Windows

ใส่แผ่นดิสก์การติดตั้ง

เริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่คลิกปุ่ม เริ่ม คลิกที่ลูกศรถัดจากปุ่ม ล็อก แล้วคลิก เริ่มใหม่

ถ้าได้รับการพร้อมท์ ให้กดแป้นใดๆ เพื่อเริ่มการทำงานของ Windows จากแผ่นดิสก์การติดตั้ง ถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ถูกกำหนดค่าไว้ให้เริ่มทำงานจากซีดีหรือดีวีดี โปรดตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของคุณ

เลือกการตั้งค่าภาษาของคุณ แล้วคลิก ถัดไป

คลิก ซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ของคุณ

เลือกระบบปฏิบัติการที่ต้องการซ่อมแซม แล้วคลิก ถัดไป

บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ให้คลิก ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ

หากคอมพิวเตอร์ของคุณมีตัวเลือกการกู้คืนที่ติดตั้งอยู่ก่อนแล้ว


1.ให้เอาฟลอปปีดิสก์ ซีดี และดีวีดีทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วเริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่คลิกปุ่ม เริ่ม คลิกที่ลูกศรถัดจากปุ่ม ล็อก แล้วคลิก เริ่มใหม่

2.เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้คือ

ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณติดตั้งระบบปฏิบัติการเพียงระบบเดียว ให้กดแป้น F8 ค้างไว้ ในขณะที่เครื่องเริ่มการทำงานใหม่ คุณต้องกด F8 ก่อนที่โลโก้ Windows จะปรากฏขึ้นมา ถ้าโลโก้ Windows ปรากฏขึ้นมา คุณจะต้องลองอีกครั้งโดยรอจนกระทั่งหน้าจอพร้อมท์เข้าสู่ระบบ Windows ปรากฏขึ้น แล้วจึงปิดเครื่องและเริ่มการทำงานของคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่

ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณมีระบบปฏิบัติการมากกว่าหนึ่งระบบ ให้ใช้แป้นลูกศรเพื่อเน้นที่ระบบปฏิบัติการที่คุณต้องการซ่อมแซม แล้วกดแป้น F8 ค้างไว้

 3.  บนหน้าจอ ตัวเลือกการเริ่มระบบขั้นสูง ให้ใช้แป้นลูกศรเพื่อเน้นที่       ซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วกด ENTER

 4.  เลือกรูปแบบแป้นพิมพ์ แล้วคลิก ถัดไป

 5.  เลือกชื่อผู้ใช้และป้อนรหัสผ่าน แล้วคลิก ตกลง

 6.  บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ให้คลิก ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ


วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows 7

ฉันจะใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้อย่างไร

        ถ้ามีการตรวจพบปัญหาการเริ่มต้นระบบ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติและจะพยายามแก้ไขปัญหานั้น

        ถ้าปัญหานั้นรุนแรงพอที่จะทำให้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ไม่สามารถเริ่มทำงานได้ด้วยตัวเอง และคุณไม่สามารถเข้าถึงเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' บนฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณได้ คุณสามารถที่จะไปยังเมนูและเริ่ม 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้โดยใช้แผ่นดิสก์การติดตั้ง Windows หรือดิสก์การซ่อมแซมระบบที่คุณสร้างก่อนหน้านี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ ตัวเลือกการกู้คืนระบบใน Windows 7 มีอะไรบ้าง


ตัวเลือกการกู้คืนระบบใน Windows มีอะไรบ้าง

        เมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' จะมีเครื่องมือหลายชนิด เช่น 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ที่สามารถช่วยคุณกู้คืน Windows จากข้อผิดพลาดร้ายแรง ชุดเครื่องมือนี้จะอยู่ในฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณ และในแผ่นดิสก์การติดตั้ง Windows


หมายเหตุ

        คุณยังสามารถสร้างดิสก์การซ่อมแซมระบบที่มีเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ การสร้างดิสก์การซ่อมแซมระบบ

        หากคุณใช้แท็บเล็ตพีซีหรือคอมพิวเตอร์อื่นที่มีหน้าจอสัมผัส คุณอาจต้องเชื่อมต่อแป้นพิมพ์หรือเมาส์เพื่อใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' และเครื่องมืออื่นๆ ในเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'



เมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'

อ้างอิงที่มา : http://windows.microsoft.com/th-th/windows/support#1TC=windows-8

          http://ccs.wu.ac.th/page/th/view/1412

ตัวช่วย แก้ไวรัสซ้อนไฟล์ Unhidden

ตัวช่วย

แก้ไวรัสซ้อนไฟล์ Unhidden

        งานเข้ากันเลยใช่มั้ยละครับ เพราะแค่เพลอเอาเฟลตไดรว์ตัวโปรด ไปเสียบคอมฯ ของเพื่อน หรือคอมของคนอื่นๆ แค่ครั้งเดียว กลับมาเปิดดูอีกที ไฟล์งานสำคัญๆ ของเราล่องหนไปหมด
อย่าตื่นตระหนกตกใจไปครับ เพราะบางครั้งไฟล์ต่างๆ ที่อยู่ในเฟลตไดรว์จริงๆ แล้วอาจจะยังอยู่ดีก็เป็นได้ เพียงแต่ไวรัสตัวป่าวอาจซ่อนไฟล์หรือโฟลเดอร์ของเราเท่านั้นเอง

Unhidden เป็นโปรแกรมเล็กๆ ที่จะกู้ชีวิตของคุณให้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง วิธีการก้อง่ายๆ ครับ เมื่อได้ไฟล์มากแล้วก้อแตกไฟล์ออกมาก่อน จะได้ไฟล์ที่ชื่อว่า Unhidden v3.exe 
1. เสียบเฟลตไดรว์ของคุณ 
2. เปิดไฟล์ Unhidden v3.exe 
3. พิมพ์ตัวอักษรที่เป็นที่อยู่เฟลตไดรว์ เช่นว่า เฟลตไดรว์อยู่ที่ไดรว์ F:\ ก้อพิมตัว “F” แล้วก้อ Enter 
4. พิมพ์ “Y” แล้วตามด้วยกด “Enter” รอให้โปรแกรมทำงานจนเสร็จ 
5. เสร็จพิธีแล้ว ปิดโปรแกรมได้เลย
ที่นี้ลองมาตรวจสอบดู  . . . ไฟล์/โฟลเดอร์ของเราก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว


วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ภาคสอง พร้อมดาวน์โหลด

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ภาคสอง พร้อมดาวน์โหลด

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Hardware Mornitor

1. รันโปรแกรม Hardware Mornitor
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป


3. ใช้สำหรับดูอุณหภูมิอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย IsMyLcdOK

1. รันโปรแกรม IsMyLcdOK 
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป


3. เป็นการตรวจเช็ค DeadPixel


วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Process Explorer

1. รันโปรแกรม Process Explorer
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป


3. เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการ ดูแลเครื่อง ตรวจสอบ การใช้งานของโปรเซส (Process) ต่างๆ ที่อยู่ใน เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ตรวจสอบการทำงานของ ระบบปฏิบัติการ Windows ได้เป็นอย่างดี และ ละเอียดมากๆ จากไฟล์ DLL ที่มีอยู่ในเครื่องคุณ โดยไม่ส่งผลกระทบอะไรใดๆ ต่อการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์คุณ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://nichamon1026.blogspot.com/2016/01/10.html